Power Amplifier PROEURO TECH MA3000

     MA Series เป็นเพาเวอร์แอมป์แบบ 2 แชนเนล ที่เหมาะกับการใช้งานต่อการขับระบบลำโพงได้อย่างหลากหลาย ด้วยพลังขับที่รองรับได้กับระบบลำโพงหลากหลายขนาดและรูปแบบการเซตอัพใช้งาน MA Series มีความโดดเด่นในโครงสร้างตั้งแต่ภาควงจรการทำงานภายในที่เป็นแบบ Class H+ เพื่อนำไปสู่การได้มาซึ่งกำลังขับที่สูงเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ภาคเพาเวอร์ซัพพลายแบบลิเนียร์ มาพร้อมหม้อแปลงแบบทอร์รอยด์ขนาดใหญ่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถจ่ายกระแสได้อย่างเต็มที่ แม้จะถูกเซตใช้งานขับเอาต์พุตแบบบริดจ์ขับโหลดต่ำสุดถึง 4 โอห์ม หรือการขับแบบสเตอริโอที่โหลดต่ำสุดถึง 2 โอห์มก็ตาม กระแสที่ถูกจ่ายออกจากหม้อแปลงก็ไม่มีอาการดร็อปเลย ซึ่งเป็นผลมาจากการเลือกใช้ตัวเก็บประจุหรือคาปาซิเตอร์ขนาดค่าความจุสูงและอัตราทนแรงดันสูงด้วย จึงทำให้มีขนาดใหญ่สำรองแรงดันไฟไว้จ่ายให้กับวงจรได้อย่างต่อเนื่องแม้ต้องรับศึกโหลดทางเอาต์พุตหนักๆก็ตาม...

     ในมิติของ MA Series นี้ที่พาเนลด้านหน้าจัดวางตำแหน่งได้อย่างเรียบง่าย ด้านข้างทั้งสองด้านนั้น เป็นช่องสำหรับอากาศไหลเวียนเข้าในตัวเครื่องผ่านชุดแผ่นระบายความร้อนภายในเครื่องแล้วผ่านออกสู่ภายนอกทางด้านหลังเครื่อง ด้วยระบบพัดลมระบายอากาศ ที่ทำงานแบบปรับระดับความเร็วของพัดลมอัตโนมัติ ตามลักษณะความร้อนที่เกิดขึ้นที่แผ่นระบายความร้อนในตัวเครื่อง โดยมีอุปกรณ์ตรวจจับอุณหภูมิหลายจุดที่ถูกออกแบบไว้ในบอร์ดวงจรภายในเครื่อง

     ตรงกลางของพาเนลหน้าเครื่องเป็นส่วนของภาคไฟ LED แสดงผลการทำงานในฟังก์ชั่นต่างๆ พร้อมกับวียูมิเตอร์ โดยไฟ LED แต่ละดวงนั้นจะแสดงสภาวะการทำงานดังนี้...

• Protect แสดงสภาวะการทำงานของการป้องกันทางด้านอุณหภูมิสูงเกิน หรือการทำงานผิดพลาดทางด้านการขยายสัญญาณแรงเกิน...
• Limit แสดงสภาวะการจำกัดสัญญาณเมื่อเกิดการ “คลิป” ของสัญญาณอันเนื่องจากการปรับเกนแรงเกินไป...
• VU Meter แสดงความแรงของสัญญาณที่ขับออกทางเอาต์พุตซึ่งจะแสดงระดับสัญญาณอยู่ในช่วง -18dB, -12dB, -9dB, -6dB, -3dB, 0dB โดยที่เมื่อไฟวียูมิเตอร์แสดงเกินขึ้นไปจนถึงไฟ LED ของ Limit และ Protect ติดสว่างไปด้วยนั้น นั่นก็แสดงว่าเรากำลังใช้งานเพาเวอร์แอมป์ขับสัญญาณแรงเกินไป ควรจะปรับเกนหรือลดความแรงสัญญาณลง เพื่อป้องกันระบบทั้งหมดให้ทำงานในย่านที่ปลอดภัย... Power ไฟLED แสดงสภาวะการเปิดใช้งานของเพาเวอร์แอมป์... A Channel, B Channel คือโวลุ่มปรับระดับความดังของเสียงที่ขับออกสู่ลำโพงมีสเกลให้ปรับตั้งแต่–inf จนถึง 0dB สูงสุด...

     พาเนลด้านหลังเครื่องประกอบไปด้วยขั้วต่อใช้งานต่างๆดังนี้...

• CH. A Input, CH. B Input ขั้วต่อสัญญาณอินพุตแบบบาลานซ์ XLR female…
• CH. A Link, CH. B Link ขั้วต่อสัญญาณลิ้งค์ (ขนานสัญญาณ) เพื่อต่อพ่วงสัญญาณอินพุตไปยังอินพุตของเพาเวอร์แอมป์อื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นลักษณะขนานในแชนเนลนั้นด้วยเลย...
• Bridge Mode ไฟ LED แสดงสถานการณ์ทำงานแบบบริดจ์...
• Sensitivity สวิตช์เลือกความไวทางอินพุตหรือการเลือกระดับความแรงของสัญญาณทางอินพุตโดยเลือกได้ทั้ง 0.775V, 1.0V, 1.4V…
• Operation Mode สวิตช์เลือกการทำงานแบบ Bridge, Parallel, Stereo...
• 30Hz Hi-Pass สวิตช์เลือกการทำงานของภาคฟิลเตอร์ความถี่สูงผ่าน โดยตัดความถี่ไว้ที่ 30Hz… 150Hz Lo-Pass สวิตช์เลือกการทำงานของภาคฟิลเตอร์ความถี่ต่ำผ่าน โดยตัดความถี่ไว้ที่ 150Hz…
• Limiterสวิตช์เลือกการทำงานของภาคลิมิตสัญญาณ...
• Grounding สวิตช์ยกกราวด์เครื่อง เพื่อช่วยให้ลดปัญหาของการ “ฮัม” จากการกราวด์ไม่มีสเถียรภาพของระบบ หรือเพื่อการใช้งานให้เหมาะสมกับระบบกราวด์ที่ใช้งานร่วมกัน...
• CH A Bridge Output ขั้วต่อเอาต์พุตลำโพงแชนเนล A แบบ Speakon มาตรฐาน ซึ่งแชนเนลนี้ยังเป็นขั้วต่อสำหรับต่อเข้าลำโพงเมื่อต่อใช้งานแบบบริดจ์โมโนด้วย...
• CH B Output ขั้วต่อเอาต์พุตลำโพงแชน เนล B แบบ Speakon มาตรฐาน...
• CH A, BRG, CH B ขั้วต่อลำโพงแบบไบดิ้งโพสต์ หากใช้งานแบบสเตอริโอปรกติก็จะต่อลำโพงเข้าที่ขั้ว CH A และ CH B ตามขั้วสัญญาณบวก, ลบ ที่ระบุที่ขั้วลำโพงเลย แต่เมื่อใช้งานแบบบริดจ์โมโน จะต้องต่อลำโพงเข้าที่ขั้ว BRG ตามสัญลักณ์ที่ระบุที่ขั้วต่อลำโพงเลย...
• นอกนั้นที่เหลือก็เป็นชุดฟิวส์ไฟเมนและชุดสายไฟเมนเข้าเครื่อง โดยทั้งสองข้างซ้าย,ขวานั้น เป็นช่องพัดลมดูดอากาศผ่านมาจากทางด้านหน้าเครื่องมาออกทางด้านหลังเครื่อง...